ก้าวข้ามความกลัวของตัวเองกับ งานวิ่ง Khaoyai 100K Ultra Marathon 2021
.
วันนี้ขออนุญาตแชร์เรื่องเล่าหนังชีวิตของการวิ่ง ในระยะอัลตร้ามาราธอนแรกในชีวิตให้ฟังครับ ขอเกริ่นนำก่อนว่า ตัวเองผมเป็นคนที่เริ่มวิ่งเพื่อหาทางลดน้ำหนักเท่านั้น ราวๆ เมษายน 2019 แต่วิ่งไปวิ่งมาเกิดหลงรักการวิ่งแบบไม่รู้ตัวจนได้เริ่มลงงานแรกคือ บางแสน 21 ในปี 2019 และปีต่อมาก็ลงงานบางแสน42 และ วิ่งานบางแสน21 อีกครั้งในปี 2020 ผมใช้เวลา ผมใช้เวลาวิ่ง 1 ปีครึ่งในการซ้อมและวิ่ง 3รายการนี้ ต่อจากนั้นอยากวิ่งให้ดีขึ้น จึงสมัครและไปรับการสอนจากโค้ชบุญนาคจากเพจ “เอาหัวใจมาใส่ตีน” เพื่อเรียนรู้ทักษะที่ถูกต้องในการวิ่ง จากนั้นผมและเพื่อนไปเห็นงาน Khaoyai100k Edition Zero แล้วเกิดอยากลองวิ่งดูบางเลยตัดสินใจสมัครงานนี้ หลังจากนั้น ผมก็เริ่มซ้อม เก็บระยะ และศึกษาการซ้อมจากหลายๆในที่ในสื่อออนไลน์ด้วยตัวเองมาตลอดเกือบ 1 ปี จนถึงวันของการแข่งขันมาถึง
.
ในปีแรกนี้ผมมากับเพื่อนๆกลุ่ม BKK Runner ซึ่งแอดมินช่วยประสานงานต่างๆให้ทั้งเรื่องสมัครและการเป็น Support ในงานเช่นกัน ขอขอบคุณพี่ๆจาก BKK Runner ทุกคนครับ และนักวิ่งอีก 6 ชีวิต วันรับบิบผมและเพื่อนก็เดินทางเข้าพัก ณ รีสอร์ทใกล้ที่จัดงาน จากนั้นไปรับบิบและกินสปาเก็ตตี้กันเพื่อเพิ่มโหลดคาร์บครั้งสุดท้ายและฟังการอธิบายเรื่องเส้นทาง เสร็จแล้วก็เดินทางกลับที่พักเพื่อนอน ก่อนกลับไม่ลืมที่จะถ่ายภาพกับพี่นงและพี่ป้อมที่ผมแอบปลื้มอยู่
.
Stage 1 Start Your Impossible ระยะทาง 22.5 กิโล เวลา 3.00 น. เริ่มต้นที่จุดปล่อยตัว ณ จุดปล่อยตัวโรงแรม The Bonanza Resort Khaoyai ขึ้น 14 ค่ำเดือน 1 ผมตื่นเต้นมาก พระจันทร์เกือบเต็มดวงสว่างใช้ได้เลย เริ่มแรกก็เนินซึมตั้งแต่โลแรกเลย แม่เจ้า! ผมและน้องอีกสองคนเกาะกันไป ผ่านทางไร่มณีศร ตำบลหมูสี แล้วตรงไปที่สี่แยกบุ่งเตย จากนั้นเลี้ยวซ้ายผ่านหมู่บ้าน ตรงไปทางบ้านสระน้ำใส เข้าสู่หมู่บ้านหนองกรวด ก่อนเลี้ยวซ้ายอีกครั้งขึ้นบนถนน 2213 เพื่อมุ่งตรงไปยัง Center Station โรงเรียนบ้านหนองขวาง ตลอดทางมืดต้องใช้ Headlamp ช่วย (ยืมเขามาฮ่าๆเพราะคิดว่าคงวิ่งครั้งเดียว) เส้นทางบางส่วนเป็นทางลูกรังมีหลุมมีบ่อบ้าง ต้องระวังจะเจ็บหากพลาดตกลงไปมีเจ็บแน่ๆ ระยะแรกยิงกระต่ายไป 1ที่เพราะหนาวฮ่าๆ ผมและน้องก็เข้า CP พร้อมกันยังเกาะกันมาได้ ผมใช้เวลาประมาณ 2.15 ชั่วโมงด้วยเพชเฉลี่ย 6.03 ถือว่าตามเป้า พอเข้า CP ก็จัดโค้กกับข้าวต้มไก่พร้อมเข้าห้องน้ำอีกรอบ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมใช้เวลาน่าจะประมาณ 5นาที
.
Stage 2 Khaoyai Paradise ระยะทาง Distance 29.5 กิโล มุ่งสู่ตำบลโป่งตาลอง พร้อมกับการสัมผัสแสงแรกรับอรุณรุ่ง พร้อมไอหมอกและสายลมหนาว ผ่านวัดป่าภูหายหลง เลี้ยวขวาไปทาง อบต.โป่งตาลอง จากนั้นเลี้ยวซ้ายแล้ววิ่งซ้าย ผ่านโรงเรียนโป่งตาลอง ไปเลี้ยวซ้ายผ่าน Check Point KM. 40 ที่แยกหนองคุ้ม แล้วมาเลี้ยวขวาตรงแยกกลับมาทางเดิม ผ่านวัดป่าภูหายหลงอีกครั้ง
.
ตอนนี้ผมต้องแยกกับน้องเพราะมันปวดขี่กระทันหันตอนผมจะออกจาก CP เพื่อเข้าสู่ Stage 2 และผมก็พลาดดันเอา Headlamp ใส่ Drop bag คิดว่าคงสว่างแล้ว แต่แม้เจ้ามันยังไม่สว่างเลย ทำไงดีละ ผมเห็นพี่คนหนึ่งเขาวิ่งอยู่เลยบอกว่า ผมขอเกาะไปด้วยนะครับเพราะผมไม่มีไฟ พี่เขาก็บอกมาเลยๆๆไปด้วยกัน ซึ่งมารู้ที่หลังว่าแก่คือ ลุงโอมผู้ที่ชื่อเสียงและคนรู้จักเยอะมาก และแก่จบลำดับที่ 23 ปีที่แล้วด้วย ในใจก็คิดว่า นี้ตรูตามผิดคนแล้วมั่ง ไส้จะแตกไหม ฮ่าๆๆ ผมวิ่งไปกับลุงโอมสักพักก็มาเจอน้อง ทราย ซึ่งก็คือที่ 2 ฝ่ายหญิงของงานนั้นเอง เกาะกันไปจนถึงเนินแรก ผมขอเรียกว่าเนินรับแขกเลย ระยะน่าจะเกือบกิโล ยาวๆๆ ตรงนี้เดินยับครับ แต่พอกลับตัวแล้วต้องมาลงเนินตรงนี้ซึ่งจะเป็นการ Downhill ขอบอกเลยว่าขากลับพุ่งยังกับจรดเลยครับ ลุงโอมบอกลงเร็วตามที่ซ้อมไว้เลย อย่าเบรคไม่งันเข่าพังผมก็ใส่ยับเลยครับตรงนี้ ช่วง Stage นี้ผมเจอเพื่อนๆนักวิ่งหลายท่านที่ทักทายลุงโอมและผมก็ได้คุยและรู้จักกับหลายๆคน หลังจากนั้นพอเข้า CP ครั้งที่สองเพื่อจะไปต่อ Stage3 ผมติดลุงโอมไว้เลย ผมบอกกับแก่ว่าผมขอไปด้วยตลอดเรสนะครับ แก่ก็บอกโอเคจัดไป กินดื่มพักพร้อมแก่ออกพร้อมแก่ แต่น้องทรายหาย! ลุงโอมบอกผม ทรายหายไปไหนว่ะ ผมก็ไม่รู้ฮ่าๆ จากนั้นเราก็ออกไปลุย Stage3 พร้อมกัน
.
Stage 3 Khaoyai Panorama ระยะทาง 22 Km. จาก Center Station มุ่งสู่ตำบลวังกะทะ ภูมิประเทศแบบอ่างกะทะ ทำให้ความงามแบบพาโนโรมาของเขาใหญ่ เผยโฉมให้ทุกคนได้ตกตะลึง เส้นทางวิ่งผ่านภูคำหอม โรงเรียนบ้านวังกะทะ ก่อนตรงไปกลับตัวที่กิโลเมตร 62 จากนั้น เลี้ยวขวามาทางสหกรณ์วังกะทะ เลี้ยวซ้ายผ่านตลาดน้ำเขาใหญ่
.
เราออกสู่ Stage 3 พร้อมกันผมและลุงโอม ตรงนี้เองพอเข้าเส้น Stafe3 ได้นิดเดี่ยวเห็นแชมป์เก่าน้องซอวิ่งมาเราก็ทักเขา น้องซอบอกว่า ผมหมดแล้ว ซึ่ง ไกลๆๆผมเห็นพี่ Tomhawk ตามมาไม่ห่าง ในใจคิดว่าเห้ยผมเพิ่งเริ่ม Stage3 เองนะ พวกพี่จะจบกันแล้วเหรอ! โอเคกลับมาที่ผมกับลุงโอม ระหว่างทางก็มีคนทักลุงโอมอยู่ตลอด เส้นทางเริ่มมีทางลูกรังมากขึ้น เหมือนเขาป่าเลย เนินถนน โหด ทางฝุ่นเยอะมากช่วงหนึ่ง แล้วผมกับลุงโอมก็เห็นน้องทรายไกลๆ ลุงโอมบอกผมว่า นั้นมันเจ้าทรายหรือป่าว ผมก็บอกน่าจะใช่ครับ สักพักเราตามน้องทรายทันแล้วเราก็วิ่งไปด้วยกันต่อสักพัก Stage3 นี้คือนรกที่แท้ทรูของผมเลย ผมเริ่มหมดแรงก่อนถึงจุดกลับตัว ผมเกาะลุงโอมกับน้องทรายไม่ได้แล้ว ต้องยอมปล่อยทั้งสองคนไป แล้วก็วิ่งคนเดี่ยวแบบชิวๆ ทามกลางไร่อ้อยยาวๆๆไปแบบเหงาๆ ไม่มีคนตาม ฮ่าๆ จนจบแล้วเข้า CP ครั้งสุดท้ายก่อนลุย Stage4
.
เข้า CP รอบนี้ พี่ทีม Support จาก BKK Runner บริการเต็มที่อาหารและเครื่องดื่ม เพราะผมล้ามาก พี่เขาก็นวดให้ ทำให้เริ่มรู้สึกดีขึ้นมาก แต่จะบอกทางทีมงานว่า ข้าวไข่พะโล้ช่วยราดน้ำให้ฉ่ำได้ไหมครับ ผมกลืนไม่ลงจริงๆฮ่าๆ
.
พี่เอ๊ะทีมSupportบอกผมว่า สู้ๆๆอีก 26k เอง เอาว่ะ ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว มีเท่าไรใส่หมด แต่เดียวพี่ RD บอกว่ากิโลที่ 82-86 คุณจะเจอสุดยอดนเนินนะ!
.
Stage 4 One Pride Day ระยะ 26 Km และแล้วก็มาถึงเส้นทางที่ทุกคนใฝ่ฝันที่จะผ่านเพื่อเป็น 100K Finisher ตั้งแต่โลที่ 74 ไปถึง 80 ผมวิ่งเคาะไปเรื่อยๆ ที่จุด WS จุดนี้มีน้ำแดงให้ด้วยฮ่าๆ เติมมาเต็มขวดเลยผม ที่นี้วิ่งมานมาเจอเนินที่ผมขอเรียกว่า เนิน VIP ละกัน เพราะว่ามันเป็นเนินยาวๆๆกะไว้ว่าประมาณ 2k เน้นๆๆ เดินยับๆๆครับ ผมลืมบอกไปว่าผมตามพี่คุณหนึ่งใส่หมวกฟางคล้ายๆคนจีนมาตลอดจนถึงเนิน VIP นี้ เราสองคนเดินไปด้วยกัน แล้วผมก็ถ่ายรูปให้พี่เขาด้วยกับป้ายบอกระยะ
.
ที่นี้ลงเนินสุดท้ายมาได้สักระยะ ผมเริ่มมีอาการขาดน้ำ ปัสสะว่ะเริ่มเข้ม ผมเริ่มกลัว เปิดมือถือถามพี่ทีม Support ว่าจะเอาไงดี จะใส่หรือจะเดินสลับวิ่งดี และผมจิบน้ำจนหมด แต่เหลืออีก 2k กว่าจะถึง WS กิโลที่ 90 ผมรู้สึกหิวน้ำมาก เดินมาจนเจอเจอร้านขายของชำ กำลังหาเงินที่พกมา 120บาท ปรากฏว่าเงินหาย! แย่แล้ว หยิบของเข้าๆออกเงินตกหายไป เวงกำแล้วตรู เดินก็เดินว่ะอีก 2k เอง
.
Stage นี้คือทรมานมากๆเดินเยอะกว่า Stageอื่น พอมาถึง WSที่กิโล90 และ 95 ผมยัดน้ำ1ขวดใส่สายคาดเอว มือขวาถือน้ำอีกขวด มือซ้าย Pocari เดินสลับวิ่ง จนถึงเส้นชัยเลย ก่อนถึงเส้นชัยเร่งฝีเท้าหน่อยให้ดูเหมือนคนแรงเหลือ จริงๆตรูไม่เหลือแล้ว ฮ่าๆ เข้าเส้นชัยชูมือ พิธีเรียกชื่อ รับเหรียญ เจอลุงโอม เลยขอแก่กอดไป 1 ที่
.
ในที่สุดเราก็ทำได้ เราก้าวข้ามความกลัวของตัวเองได้ แถมเวลาดีเกินที่ตั้งเป้าไว้ด้วย ผมตั้งเป้าไว้ที่ SUB13 แต่สามารถจบ SUB12 และติด TOP100
หากถามผมว่าปีหน้าจะมาอีกไหม ผมขอบอกว่า ยังไม่รู้ แต่ถ้าเปิดรับสมัครเมื่อ ค่อยว่ากันฮ่าๆ
.