การดื่มน้ำระหว่างการวิ่งเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งเวลาซ้อมและการแข่งขัน สังเกตุได้ว่าใน งามวิ่งเกือบทุกงาน จะมีจุดให้บริการน้ำดื่มทุกๆ 2 กิโลเมตรหรือทุกๆ 4 กิโลเมตร เพราะในขณะที่เราวิ่งนั้นอุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น ร่างกายจะพยายามระบายความร้อนผ่านทางเหงื่อได้แต่ความร้อนที่ระบายออกมาพร้อมกับเหงื่อ ยังน้อยกว่าความร้อนที่เกิดขึ้นในกระบวนการเผาผลาญพลังงานภายในร่างกาย หากร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำ (Dehydration) คือการสูญเสียเหงื่ออย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้ดื่มน้ำ้พื่อชดเชยน้ำเข้าสู่ร่างกายไม่ทันเวลา ส่งผลให้ปากแห้ง กระหายนํ้า ปัสสาวะมีสีเข้ม เวียนศีรษะ เป็นตะคริว อาจส่งผลให้ไตวายเฉียบพลัน (Acute Renal failure) ในที่สุด หากยังไม่รีบดื่มน้ำ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เวลาที่เราจะซ้อมหรือวิ่งแข่งควรดื่มน้ำประมาณ 200 cc ก่อนวิ่งประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง เมื่อวิ่งเสร็จแล้วควรดื่มน้ำทดแทนเท่ากับน้ำหนักตัวที่หายไปในระหว่างการวิ่ง เนื่องจากน้ำหนักที่หายไปส่วนใหญ่เป็นน้ำหนักของน้ำที่เสียไปกับเหงื่อ
สรุปได้ว่าแอดมินแนะนำให้ดื่มน้ำก่อนวิ่ง และในระหว่างซ็อมควรจะจิบน้ำเป็นระยะ สักประมาณ 3-4 กิโลเมตรต่อครั้ง หลังจบการวิ่งสิ่งที่ควรทำก็คือ การดื่มน้ำอย่างช้าๆ ออกกำลังเบาๆ ทำท่าคูลดาวน์ จนร่างกายเป็นปกติ อาบน้ำและพักสัก 20-40 นาที ก่อนรับประทานอาหาร
น้ำที่ไม่ควรดื่มก่อนวิ่งก็จะมี น้ำอัดลม เพราะมีแก๊สก็เป็นตัวสำคัญที่จะทำให้นักวิ่งรู้สึกอึดอัด ท้องอืดเฟ้อได้ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นเร่งที่ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ทั้งนี้ยังทำให้ผู้วิ่งขาดสติจนเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม น้ำเปล่าที่สะอาดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่นักวิ่งควรดื่มก่อนลงวิ่ง รวมถึงหากต้องวิ่งนานกว่า 1 ชั่วโมง ควรเพิ่มการดื่มน้ำเกลือแร่ที่ไม่หวานเกินไป หรือเมื่อรู้สึกว่าร่างกายขาดน้ำเป็นเวลานาน และไม่ลืมดื่มน้ำชดเชยหลังจากการวิ่งเสร็จสิ้นลง