ครั้งแรกกับบางแสน 42 เป็น มาราธอน ที่ 3 ของการลงงาน ไม่รวมการซ้อม เป็นการลงมาราธอนที่เตรียมตัวมานานพอสมควรกับพี่ต้น ซึ่งเป็นมาราธอนที่คุยกันว่าจะวิ่งให้จบภายใน 4 ชั่วโมง โดยเทรนกันเองวางแผนการซ้อมกันเอง เเละเน้นซ้อมตามความสะดวกเวลาของทั้งคู่เลย(เป็นคุณพ่อลูก 1 ทั้งคู่) พี่ต้นนี่สถิติในมาราธอนดีมากๆยัน 100 โล มีแต่เรานี่แหละยังไม่มีสถิติเป็นทางการในงานเลย 2 ครั้งแรกพัทยา และATM ซ้อมน้อยแล้วก็เดินยับเวลาสำหรับตัวเองไม่ดีนัก รอบนี้เลยคิดว่าเน้นชัวสำหรับการทำเพซที่ตั้งใจเน้นความแข็งแรงเป็นหลักโซน 2 ไม่เกินนี้ และมีการซ้อมระยะจริงที่บางแสน รวมไปถึงระยะ 50k ก่อนแข่งในแต่ล่ะเดือนไว้ด้วยเพราะมีกิจกรรมพอดี เพราะพวกเราอยากวิ่งให้สบายๆที่สุดด้วย
เปิดด้วยก่อนเข้าบล็อคอัดสเปรย์สุวรรณนวดไปทีแล้วลุย ต้องบอกว่าบางแสน 42 ไม่แออัดเลยวิ่งค่อนข้างสบายในบล็อค A4 รวมไปถึงอากาศมาดีในวันที่แข่งพอดี 2 โลแรกยังทำความเร็วที่ตั้งไว้ไม่ได้เพราะคนเยอะอยู่ซึ่งคิดไว้อยู่แล้ว พยายามวิ่งให้สบายที่สุด พยายามเรียกกันตลอดถ้าเร็วไปคุมความเร็วกันตลอด และพกน้ำขวดน้อยๆไปเองใช้กินแค่สำหรับ 10 กว่าโลแรกพอเพราะคนในซุ้มน้ำจะเยอะมากๆเลยไม่เข้าไป คือคิดแค่การวิ่งครั้งนี่ต้องสบายที่สุด ออกสุขุมวิทได้สบายๆเลยลมเย็นๆเอาเป็นไม่มีปัญหาอะไรเลยคุมสบายๆแค่มีอาการเมื่อยก้นบ้างขาบ้างเก็บระยะต่อเดือนน้อยไปหน่อย กินเจลทุก 9 โล
ความสนุกของสนามนี้คือขากลับเริ่มตั้งแต่เลี้ยวขวาแยกโลตัสโล 31-32 จะเริ่มมีเนิน จะเป็นช่วงที่นักวิ่งเริ่มเดินพอไปถึงครกใหญ่จะมีเนินชัดๆเป็นเนินแรก จนถึงตลาดเก่าตรงนี้คนเดินเริ่มมีและ ไหลไปซักแป๊บเจอนาจากันต่อแล้วลงยาวๆ แล้วก็ยิงยาวไปถึงเนินที่ผมคิดว่าน่าจะหนักสุดนะส่วนตัวเลยคือหักขวาขึ้นเขาอันนี้เลี้ยวปั๊บตะคริวจะมาน่องทั้ง 2 ข้างลดความเร็วลงให้พ้นเนินนี้ไป พอพ้นเนินนี้ความมั่นใจค่อนข้างเยอะขึ้นมากว่าต้องทำได้ตามเป้าหมาย ลงยาวไปถึงหักซ้ายขึ้นเขาสามมุก อันนี้แม่งมีคนร้องเพลงปลุกใจร้องแตะขอบฟ้าพี่ตูน คิดในใจว่าห้ามเดินต้องวิ่ง 100% ฮึบไปจนพ้นเนิน 1-2 หลุดมาได้เริ่มพักเหนื่อยใส่กันยาวๆ กับพี่ต้นถึงทางตรงเข้าเส้นสับยาวๆ จบเรียบร้อย ระยะเกินมาเกือบ 500 เมตร กับสถิติไม่เกิน 4 ชั่วโมงทางการกับเค้าบ้างแล้ว
ต้องบอกก่อนมาราธอนครั้งสุดท้ายคือ 2 ปีที่แล้ว และวันนี้อายุมากขึ้นทำได้ดีกว่าเดิม ปีนี้อายุ 40 แล้วหละ อย่าไปคิดว่าตัวเองจะทำไม่ได้ถ้ายังไม่ได้ลองทำ 6 ปีที่แล้วที่ผมเริ่มวิ่งแบบไม่จริงจังอะไร มาถ่ายรูปหน้าเส้นเล่นๆ ก็ไม่เคยคิดว่าจะวิ่งได้หรอกแต่ตอนนี้ทำได้แล้วมันเหมือนปลดล็อคชีวิตไปเรื่องนึงเลย