เท้าพองระหว่างวิ่งไม่ใช่เรื่องดี เราจะป้องกันได้อย่างไร

เท้าพองระหว่างวิ่งไม่ใช่เรื่องดี เราจะป้องกันได้อย่างไร

หากเรามาพูดถึงเรื่อง อาการบาดเจ็บระหว่างการวิ่ง มันจะมีหลากหลายแบบ ทั้งอาการที่หนักและเบา แต่มีอาการบาดเจ็บชนิดหนึ่งที่ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวแต่มันจะเรียกว่า น่ารำคาญมากกว่านั้นก็คืออาการ เท้าพองซึ่งเป็นอาการยอดฮิตเลยที่เดียว ผมเชื่อว่านักวิ่งแทบจะทุกคนจะต้องเจออาการนี้แน่นอน  อาการเท้าพอง และนิ้วเท้าพอง สร้างความหงุดหงิดให้เหล่านักวิ่งแต่อย่างที่บอกครับว่า มันเป็นอาการเบาไม่หนักและดูแลรักษาได้ง่าย ที่นี้เรามาดูวิธีป้องกันและรักษาอาการเท้าพองกันครับ ไม่ยากครับ อย่างแรกเลยเราควรจะเริ่มวิเคราะห์ก่อนว่า อาการเท้าพองของเราเกิดจากสาเหตุอะไร ซึ่งโดยปกติเท้าพองและนิ้วเท้าพองมักจะเกิดจากการเสียดสีระหว่างนิ้วเท้า หรือผิวหนังของเท้าเรากับถุงเท้า พื้นรองเท้า หรือส่วนต่างๆของรองเท้า ไม่ว่าจะลิ้นรองเม้า Upper หรือแผนรองเท้า อีกเหตุผลหนึ่งที่เราจะพบว่าแผลตุ่มพองพวกนี้จะเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้นหากว่าเท้ามีความชื้น หรือสวมรองเท้าที่เปียก การดูแลและรักษาที่ดีที่สุดก็คือการป้องกัน อันดับแรกที่ควรจะตรวจสอบเลยคือ ถุงเท้าเพราะมันเป็นอุปกรณ์ที่ผิวหนังของเราจะสัมผัสโดยตรง ซึ่งเราไม่ควรส่วมถุงเท้าที่หลวมหรือแน่เกินไป ซึ่งบางคนอาจจะไปใช้ถุงเท้าแยกนิ้วเป็นอีกทางเลือก  ส่วนรองเท้าเราควรที่จะเผื่อไซส์บ้าง ต้องไม่หลวมหรือเหลือพื้นที่มากจนทำให้เท้าเลื่อนได้ เลือกรองเท้าให้กับรูปเท้ามากที่สุด สำหรับบางคนอาจจะให้ผ้าพันแผลช่วยมาพันนิ้วเท้าก่อนสวมถุงเท้า หรืออาจจะใช้ครีมหรือเจลหล่อลื่นมาทาตรงนิ้วเท้าก่อนใส่ถุงเท้า ซึ่งนักวิ่งแต่ละคนอาจจะมีเทคนิคแตกต่างกันไปครับ แต่แอดแนะนำว่าพื้นฐานเลยควรดูเรื่องถุงเท้ากับและรองเท้าเป็นหลัก ส่วนตัวช่วยอื่นๆก็นำมาปรับใช้ให้เข้ากับเรา หากเราวิ่งแล้วไม่มีอาการบาดเจ็บจะทำให้เราสนุกกับการวิ่งและมีความสุขครับ

VO2 Max สำคัญกับการวิ่งอย่างไร

VO2 Max สำคัญกับการวิ่งอย่างไร

นักวิ่งหลายๆคนให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับค่า VO2 Max มาก เพราะมันคือ ค่าการใช้ออกซิเจนของร่างกายเราเมื่อเราออกกำลังอย่างเหนื่อยถึงที่สุดในชั่วขณะหนึ่ง ส่วนมากจะเกิดขึ้นเมื่อเราเร่งความเร็วในการวิ่งแข่ง และการซ้อมประเภท Intervalหรือ Tempo ซึ่งแต่ละคนจะมีค่า VO2 Max ในแต่ละคนไม่เท่ากัน ยิ่งค่า VO2 Max มีตัวเลขมาก ร่างกายเราจะใช้ออกซิเจนได้มากขึ้น เพราะฉะนั้นคนที่มี VO2 Max สูง จะสามารถวิ่งได้เร็วกว่าและสามารถออกแรงได้มากกว่าคนที่มี Vo2 Max น้อย หากเราขยันฝึกซ้อมโปรแกรมพวก Interval และ Tempo หรือการ Cardio จะเป็นการออกกำลังกายแบบ  HIIT จะทำให้เราสามารถพัฒนาค่า VO2 Max ให้สูงขึ้นได้ เพราะการฝึกซ้อมที่ใช้ความเร็ว ทำให้หัวใจมีอัตราการเต้นสูงต่ำสลับกัน   เราควรฝึกซ้อมแบบนี้อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์จะช่วยเพิ่มค่า VO2 max ได้ การวัดค่า Vo2Max มีหลายวิธีแต่วิธีที่ง่ายในปัจจุบันจะใช้นาฬิกาออกกำลังกาย หรือ Smart Band ต่างๆมาช่วย เพราะอุปกรณืจำพวกนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นตัวช่วยในการวัดค่า…

อยากจบมาราธอนควรมีเทคนิคอะไรบ้าง

อยากจบมาราธอนควรมีเทคนิคอะไรบ้าง

ระยะมาราธอน Marathon คืองานวิ่ง ที่นักวิ่งหลายคนฝันว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องจบมันให้ได้ ซึ่งระยะมาราธอนนั้นไม่ใช่ใครก็ทำได้ ต้องมีการฝึกซ้อมที่ดีและเตรียมสภาพร่างกายให้แข็งแรง แต่มันก้จะมีเทคนิคต่างๆที่จะช่วยให้เราสามารถจบมาราธอนได้แบบไม่ยากเย็นเท่าไร 1. ไม่ใช่วิ่งอย่างเดียว นักวิ่งหลายคนยังเข้าใจผิดที่ว่า ยิ่งวิ่งเยอะก็จะยิ่งเก่ง อย่างลืมว่าการวิ่งระยะไกลมากขึ้นร่างกายจะต้องแข็งแรงทุกส่วน การเสริมเรื่องบอดี้เวท เป็นสิ่งสำคัญ แกนกลางลำตัวเองก็ต้องแข็งแรง การเล่นพวก แพลงและท่าสควอชต่างๆเสริมได้ 2. ลืมเรื่องความเร็วไปเลย หากคุณคิดจะจบฟลู ยิ่งถ้าเป็นมาราธอนแรกของหลายๆคน อย่าไปเร่งสปีดเพื่อที่จะรีบจบ เพราะคุณอาจจะหมดแรงก่อนเข้าเส้นชัย วิ่งตามที่คุณซ้อมไว้ วิ่งให้รู้สึกสบายโดยไม่หยุด ควบคุม Heart rate ให้ดี ถ้าคุณเหนื่อยเดินบ้างก็ได้ แล้วค่อยวิ่งต่อ 3. วางแผนการวิ่งและเก็บระยะในแต่ละสัปดาห์  ก่อนที่เราจะไปวิ่งในระยะมาราธอน เราจะต้องวางเป้าว่าในแต่ละเดือนควรจะเป็นระยะเท่าไร แล้วก็วางแผนต่อว่าอาทิตย์หนึ่งเราจะวิ่งกี่วันและเก็บระยะให้ได้เท่าไรในแต่ละอาทิตย์ อย่างที่ผมบอกไม่ต้องวิ่งเร็ว แต่วิ่งให้ได้เยอะๆจะทำให้คุณมีพื้นฐานกล้ามเนื้อและเรียนรู้เรื่อง Endurance หรือความทนทาน คุณสามารถเพิ่มระยะให้มากขึ้นในแต่ละอาทิตย์ก๋ได้ เช่นอาทิตย์นี้วิ่งรวมได้ 50k ในอาทิตย์ต่อไปก็วิ่งให้ได้สัก 60k  ยิ่งเราวิ่งมากขึ้นร่างกายจะเริ่มจำว่าเราสามารถทนทานต่อระยะไกลๆได้มากขึ้น 4. ให้ความสำคัญกับ Long run ในหนึ่งอาทิตย์ เราควรจะว่างเป้าหมาย เพื่อมีวันวิ่งยาวๆสักวัน ส่วนมากนักวิ่งจะเลือกที่เป็นวันหยุดเช่นวันเสาร์หรืออาทิตย์ในช่วงเช้าซึ่งระยะที่ควรจะวิ่งคือมากกว่า 15k…

Over pronate คืออะไรทำไมต้องให้ความสำคัญ

Over pronate คืออะไรทำไมต้องให้ความสำคัญ

ปัญหายอดฮิตสำหรับนักวิ่งมือใหม่ อย่างหนึ่งคือวิ่งแล้วเจ็บ ทำให้รู้สึกว่าการวิ่งมันยากหรือนานๆเข้าอาจจะเข็ดกับการวิ่งไปเลย อาการบาดเจ็บส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจาก “เท้าล้ม” (Over pronation) อาการเท้าล้มคืออาการเวลาลงน้ำหนักเวลาวิ่ง ซึ่งข้อเท้าจะบิดเข้าด้านในมากกว่าปกติ เพราะโดยปกตินั้นการลงน้ำหนักในการวิ่งข้อเท้าจะเป็นเส้นตรงหรือเอียงเล็กน้อยเท้านั้น แต่ถ้ามีอาการเท้าล้มข้อเท้าจะเอียงเป็นมุมบิดเข้าด้านในอย่างชัดเจน และมันจะเกิดผลเสียต่อการวิ่ง ทำให้ข้อเท้าบาดเจ็บและกล้ามเนื้อต้องทำงานหนักมากขึ้น  ส่งผลเสียต่อแผ่นหลัง หน้าแข้ง และหัวเข่าเราด้วย ที่นี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเท้า และเท้าของเรามีลักษณะของข้อเท้าปกติ (Normal pronation) หรือบิดออกมากไป (Overpronation) หรือว่าแบบบิดเข้าใน (Supination)ในบางกรณีบางคนเวลายืนลักษณะเท้าจะปกติ  แต่พอทดสอบวิ่งแล้วพบว่าการลงเท้ากลับกลายเป็น Over pronation ก็เป็นไปได้ครับ บางครั้งเราอาจดูจากตำแหน่งสึกของพื้นรองเท้าที่เราวิ่งประจำมาดูได้ ในปัจจุบันมีร้านขายรองเท้าชั้นนำ ที่มีระบบตรวจสอบเข้ามาช่วย ทำให้เราสามารถเลือกชื้อรองเท้าให้เหมาะสมกับรูปเท้าเรามากขึ้นครับ ซึ่งพื้นรองเท้าที่สึกโดยปกติตำแหน่งสึกของพื้นรองเท้าจะอยู่ที่อุ้งเท้าดานหน้ากับส้นเท้าเล็กน้อย ส่วนนักวิ่งที่ลงเท้าแบบ Overpronation รองเท้าจะสึกมากตามขอบพื้นรองเท้าด้านใน ซึ่งตรงข้ามกับนักสิ่งที่ลงเท้าแบบ supination ที่การสึกพื้นรองเท้าจะมากตามขอบพื้นรองเท้าด้านนอก การแก้ไข Overpronateสามารถทำได้ โดยการเลือกรองเท้าให้เข้ากับรูปเท้าเรา ซึ่งในปัจจุบันรองเท้าหลายแบรนด์ก็มีรุ่นที่สนับสนุนรูปเท้าในแบบต่างๆอยู่แล้ว โดยรอเท้าจำพวกนี้จะเนเรียกว่า Stability Shoe ที่ช่วยป้องกันการเกิด Overpronate เวลาวิ่ง เพิ่ม Cushion ให้มากขึ้นหรืออาจใช้ Insole ใส่ถ้าเลือกใช้รองเท้าแบบ Neutral shoe…

วัดขนาดเท้าตัวเองง่ายๆ เพื่อรองเท้าคู่โปรด

วัดขนาดเท้าตัวเองง่ายๆ เพื่อรองเท้าคู่โปรด

ในยุคที่ Shopping online เป็นที่นิยม นักวิ่งไม่ว่าจะหน้าใหม่หน้าเก่าหลายต่อหลายคน นิยมซื้อ รองเท้าวิ่งผ่านทางระบบออนไลน์มากขึ้น และหลายท่านประสบปัญหาในการเลือกซื้อรองเท้าจากการสั่ง Online  หลายท่านยังไม่แน่ใจว่าจะใส่ Size อะไร กลัวจะคับไป หรือหลวมไป  บางครั้ง Size เดียวกันแต่ถ้าคนละ Brand ก็ไม่เท่ากันอีก ไม่ใช่แค่นั้นนะครับเพราะรองเท้า ยังมีในส่วนของหน้า กว้างและหน้าแคบตามลักษณะเท้าคุณเลือกอีก คุณคงเคยได้ยินคำว่า หน้ากว้าง 2E 4E นะครับ นั้นแหละครับ ในบทความนี้ ผมจะทำให้เพื่อนนักวิ่งมาทำความรู้จักกับขนาดเท้าจริงของคุณ ทั้งความยาวและความกว้าง เพื่อใช้ในการเลือกรองเท้าให้พอดีกับเท้าของคุณ ก่อนอื่นมารู้จักความพอดีของรองเท้ากัน เริ่มที่ส้นเท้าต้องพอดี ไม่มีลื่นหลุดออกเด็ดขาด ส่วนกลางเท้าต้องพอดีแต่ไม่บีบแน่นไป และส่วนปลายนิ้วต้องมีที่ให้กระดิกนิ้วได้ ผมเชื่อว่านักวิ่งหน้าใหม่จะชอบซื้อรองเท้าพอดีกับเท้าหรือคับเกินไปมากกว่าหลวมเกินไป ถ้าคุณใส่รองเท้าที่คับเกินไป คุณจะปวดเท้าหลังวิ่ง หรือเกิด ตุ่มพองในการวิ่ง ที่สำคัญเท้าของเราจะมีขนาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามอายุ ดังนั้นควรวัดทุกปีนะครับ เรามาดูการวัดเท้าของเราครับ ผมแนะนำควรวัด Size ในตอนที่เท้าคุณใหญ่ที่สุด ก็คือช่วงเย็นนั่นเอง วิธีวัดเท้าง่ายๆมีดังนี้ เตรียมอุปกรณ์ก่อน กระดาษ A4, ปากากา/ดินสอ และไม้บรรทัด…