ในการแข่งวิ่งมาราธอนท่านจะเห็นว่า มีทั้งนักแข่งมืออาชีพ ผู้หญิง ผู้ชาย คนแก่ และเด็กวัยรุ่นมากมาย แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ในสมัยก่อนนัน มาราธอน ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าแข่งขัน เพราะยังมีเส้นแบ่งของเพศสภาพและแนวคิดชายเป็นใหญ่ แถมยังมีความคิดที่ว่า ผู้หญิงบอบบางและไม่สามารถวิ่งได้ไกลเท่าผู้ชาย และจะทำให้ขาใหญ่ หรือมดลูกได้รับความเสียหายได้ขณะวิ่ง
แต่แล้วในปี 1967 Kathrine Switzer หญิงสาววัย 19 ปี ได้พูดไว้ว่า “ฉันต้องเข้าเส้นชัยให้ได้ ถึงแม้จะต้องคลานไปก็ตาม”เธอคือหญิงสาวคนที่ออกมาแสดงจุดยืนเรื่องความเท่าเทียมทางเพศและปฏิเสธความเชื่อเดิมๆ เพราะเกิดความสงสัยที่ว่าทำไมโค้ชของเธอถึงบอกว่าผู้หญิงไม่สามารถวิ่งมาราธอนได้ โดยให้เหตุผลว่าเพราะผู้หญิงบอบบางและไม่สามารถวิ่งได้ไกลเท่าผู้ชาย แต่อย่างไรก็ตามโค้ชของเธอก็ยังให้เธอได้ฝึกซ้อมและพิสูจน์ตัวเอง จนเธอได้ลงแข่งขัน Boston City Marathon ในปี 1967
ถึงแม้ผู้หญิงไม่ได้รับอนุญาตให้ลงแข่ง แต่ Kathrine Switzer กรอกในใบสมัครโดยใช้ชื่อว่า K.V. Switzer ซึ่งไม่ได้ระบุเพศ ทำให้เธอได้รับหมายเลข ‘261’ ออกวิ่งไปพร้อมกับโค้ชและแฟนของเธอ หลายคนตื่นเต้นที่ได้เห็นเธอ ช่างภาพพยายามเก็บภาพของเธอตอนกำลังวิ่ง
แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในตอนที่เธอวิ่งช่วงหนึ่ง เมื่อมีกลุ่มชายหัวรุนแรงพยายามเข้ามาฉุดรั้งเธอและขัดขวางการวิ่ง หนึ่งในนั้นคือผู้จัดงานที่วิ่งลงจากรถมากระชากแขนเธอ เพื่อจะเอาป้ายหมายเลขออก แต่แฟนหนุ่มของเธอเข้ามาช่วยผลักชายคนนั้นออกไป จนเธอสามารถวิ่งมาราธอนได้ถึงเส้นชัย โดยใช้เวลาไป 4 ชั่วโมง 20 นาที ซึ่งเธอได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่าเหตุผลจริงๆ แล้วเธอก็แค่ ‘อยากวิ่ง’ เท่านั้นเอง
หลังจากนั้น Kathrine Switzer ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเท่าเทียมของผู้หญิงและกีฬา รวมถึงทำให้ผู้หญิงออกมาวิ่งมาราธอนกันมากขึ้น จนในปี 1972 Boston อนุญาตให้ผู้หญิงสามารถลงสมัครเข้าแข่งขันอย่างเป็นทางการ ต่อมาในปี 1984 โอลิมปิกได้บรรจุกีฬาวิ่งมาราธอนหญิงขึ้นเป็นครั้งแรก กลายเป็นว่า Movement ของเธอในครั้งนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับวงการกีฬา
เรื่องราวความน่าประทับใจยังไม่จบเพียงเท่านี้ เวลาผ่านไป 50 ปี Kathrine Switzer ในวัย 70 ปี กลับมาลงแข่งขันรายการ Boston City Marathon อีกครั้ง แถมยังสวมหมายเลข 261 ที่เธอลงแข่งในครั้งแรกอีกด้วย ทำให้เบอร์นี้กลายเป็นเบอร์นำโชคของนักวิ่งมาราธอนหญิงหลายๆ คน